Posted on

ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วงหัวล้านที่ได้ผลจริง

สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาแชร์ประสพการณ์ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้รักษาอาการหัวล้านจากพันธุกรรมครับ

       ตัวผมเองเป็นคนผมเส้นเล็ก และผมค่อนข้างบาง มาตั้งแต่เด็ก ๆ และเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมยิ่งบางลงกว่าเดิม ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ
ผมจึงได้เริ่มไปหาหมอเพื่อปรึกษาและรักษา หมอได้ให้ยามาสองตัว สำหรับกินและทา โดยตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่ายาที่หมอให้มา คือ ยาอะไร เพราะไม่มีเขียนบอกและก็ไม่ได้ถาม เพราะเชื่อหมอ เลยรักษาไปเรื่อย ๆ จนประมาณ 1 ปี ก็ไม่รู้สึกว่าได้ผล ผมเลยเลิกไปหา และเริ่มนับหนึ่ง ใหม่ โดยเริ่มศึกษาหาข้อมูลจึงทราบว่าผมร่วงและผมบางเกิดจากพันธุกรรม และสามารถรักษาได้ โดยการกินยา finasteride เพื่อลดฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ที่เป็นต้นเหตุของผมร่วงหัวล้านเนื่องมาจากพันธุกรรม ควบคู่กับใช้ยาทาที่ชื่อว่า Minoxidil เพื่อเร่งให้ผมเพิ่มขึ้นและรากผมแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย (ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะเป็นยาตัวเดียวกับที่หมอให้ผมใช้)

ผมจึงได้หามาใช้ และรู้สึกว่าได้ผลดีระดับหนึ่ง เลยใช้มาเรื่อย ๆ อยู่หลายปี จนมาช่วงหลัง ๆ รู้สึกว่า ผมที่เคยหนาขึ้น กลับไม่หนาเหมือนช่วงแรกๆ ที่ใช้ยา แต่กลับบางลงเรื่อย ๆ อีก จนเริ่มมีคนทัก

ผมเลยต้องกลับมาหาข้อมูลอีกครั้ง จนได้พบบทความเกี่ยวกับผู้ที่ทาน finasteride มาหลายปีจนช่วงหลัง ๆ กลับไม่ได้ผล หมอจึงได้ทดลองให้ยาตัวใหม่ที่ชื่อว่า Dutasteride เสริม โดยให้เพียง 0.5 มิลลิกรัม เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ผลปรากฎว่า ผมกลับมาหนาขึ้นเป็นอย่างมากภายในระยะเวลา 3 เดือนทำให้ผมเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ผมจึงได้ทดลองซึ้อยา Dutasteride มากินเสริมดู ปรากฎว่าเพียงแค่สามอาทิตย์ผมก็หนาขึ้นจนสังเกตุได้อย่างชัดเจน

วันนี้ผมเลยจะมาแนะนำผลิตภัณฑ์ ที่ผมใช้ทั้งหมด เพื่อน ๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกกันอีกต่อไปครับ ใช้ตามนี้เลยได้ผลแน่นอนครับ
ผลิตภัณฑ์ที่ผมใช้ทั้งหมดมีดังนี้ครับ

ผลิตภัณฑ์ชลอและยับยังป้องกันหัวล้านจากพันธุกรรม
ผลิตภัณฑ์ชลอและยับยังป้องกันผมร่าวหัวล้านจากพันธุกรรมที่ได้ผลจริง

ผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ที่ได้ขาดไม่ได้ ได้แก่

  1. ฟิแนสเทอไรด์ Finasteride
  2. ดูทาสเตอไรด์ Dutasteride
  3. ไมนอกซิดิล Minoxidil

และผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างเส้นผมให้เส้นใหญ่แข็งแรงไม่หลุดล่วงง่าย ได้แก่

  1. แชมพูไนโซรัล คีโทโคนาโซล 2% Nizoral Shampoo Ketoconazole 2%
  2. แชมพูเบอกามอทสูตรอ่อนโยนพิเศษสำหรับหนังศีรษะมัน Bergamot Extra Delicate Shampoo
  3. ไบโอติน Biotin

 

เราไปดูรายละเอียดและวิธีใช้แต่ละตัวกันเลยครับ

ฟิแนสเทอไรด์ Finasteride กับ ดูทาสเตอไรด์ Dutasteride

สองตัวนี้เป็นยาที่ใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโตทั้งคู่  ซึ่งมีผลพลอยได้จากการที่ตัวยาไปยับยังการสร้างฮอร์โมนตัวนึงที่ชื่อว่า ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน(Dihydrotestosterone) หรือเรียกย่อๆ ว่า DHT ซึ่งเจ้า DHT ตัวนี้แหละที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดผมร่วงหัวล้านที่มาจากพันธุกรรม

ถึงแม้ว่าสองตัวนี้ถึงแม้จะมีคุณสมบัติในการยับยั้ง DHT เหมือนกัน แต่อัตราการคงอยู่ในร่างกายของมันแตกต่างกัน โดย Finasteride ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง ก่อนที่จะเหลืออยู่ครึ่งนึงในร่างกายของเรา (ศัพท์ทางวิชาการคือ ครึ่งชีวิต หรือ Half-life) ในขณะที่ Dutasteride จะมีค่าครึ่งชีวิต อยู่ที่ประมาณ 5 อาทิตย์ ซึ่งนานกว่ามาก ๆ  และมีผลการทดลองว่า Dutasteride  สามารถยับยังการสร้าง DHT ได้ถึงประมาณ 90% ในขณะที่ Finasteride  ยับยังอยู่ที่ประมาณ 70% นอกจากนี้ปริมาณ Dutasteride  เพียง 0.5 mg แต่กลับมีประสิทธิภาพในการยับยั้ง DHT สูงกว่า Finasteride  ที่ 5 mg เสียอีก

กราฟเปรียบเที่ยบการเพิ่มขึ้นของ DHT เมื่อหยุดยา Dutasteride และ Finasteride
กราฟเปรียบเที่ยบการเพิ่มขึ้นของ DHT เมื่อหยุดยา Dutasteride และ Finasteride

 

กราฟเปรียบเที่ยบปริมาณกับประสิทธิภาพระหว่าง Dutasteride และ Finasteride
กราฟเปรียบเที่ยบปริมาณกับประสิทธิภาพระหว่าง Dutasteride และ Finasteride

 

เพื่อน ๆ อาจจะสงสัยว่าในเมื่อ Dutasteride มีประสิทธิภาพสูงกว่าขนาดนี้ทำไมผมถึงยังต้องใช้ทั้งสองตัว สาเหตุก็คือ เนื่องจากผมอ่านเจอว่าในต่างประเทศมีแพทย์ท่านหนึ่งให้คนไข้ที่ทาน Finasteride อยู่แล้ว แต่ได้ผลเพียงระดับหนึ่งยังไม่เป็นที่น่าพอใจ จึงได้ให้คนไข้ กิน Dutasteride  เสริม เพียงแค่ 0.5 mg ต่อสัปดาห์ โดยให้ ทาน Finasteride  ตามปกติ แต่ในวันอาทิตย์ให้เพิ่ม Dutasteride  0.5 mg เพียง 1 เม็ด ปรากฎว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมากภายในระยะเวลา 3 เดือนเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องกิน Dutasteride ทุกวัน เพียงแค่สัปดาห์ละครั้ง ก็เพียงพอแล้ว วันที่เหลือก็กิน Finasteride ตามปกติได้เลยครับ

สำหรับผู้ที่สนใจอ่าน Paper เกี่ยวกับผลการทดลองนี้ โหลดได้ที่ https://www.izyblue.com/paper.pdf

เลือก Finasteride กับ Dutasteride ยี่ห้อไหนดี?

จริง ๆ แล้วยี่ห้อไหนก็ได้ครับ ขอให้เป็น Finasteride  ขนาดอย่างน้อย 1 mg และ Dutasteride ขนาดอย่างน้อย 0.5 mg

ถ้าไม่คิดอะไรมากกินตามผมได้เลยครับ เพราะผมลองมาแล้วว่าได้ผลและประหยัดเงินที่สุด

  • Avodart Dutasteride 0.5 mg หาซื้อได้ตามร้านขายยาใหญ่ ๆ ทั่วไป ราคา ประมาณ 1700 – 1800 ต่อกล่อง หนึ่งกล่อง มี 30 เม็ด กินเฉพาะวันอาทิตย์ ก็จะกินได้ถึง 7 เดือนครึ่งเลยทีเดียว
  • Firide Finasteride 5 mg ของ Siam Phamarceutical  หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ตัวนี้หาซื้อง่ายกว่าครับ ราคา กล่องละประมาณ 800 บาท หนึ่งกล่อง มี 30 เม็ด ผมเอามาแบ่ง 4 ส่วน กินวันละส่วน จันทร์ – เสาร์ ก็จะกินได้ 4 เดือน พอดี
Avodart กับ Firide
Avodart 0.5 mg กับ Firide 5 mg

 

คำเตือนสำหรับผู้ที่จะทานยาสองตัวนี้

  • ยานี้สำหรับผู้ชายที่มีปัญหาหัวล้านผมบางจากพันธุกรรมเท่านั้น ผู้หญิงโดยเฉพาะผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรไม่ควรทานหรือสัมผัสตัวยาโดยตรงเนื่องตัวยาสามารถถูกดูดซึมทางผิวหนัง และส่งผลต่อการพัฒนาอวัยวะเพศในเด็กได้
  • ยาสองตัวนี้อาจมีผลข้างเคียง ทำให้สมภาพทางเพศ หรือความต้องการทางเพศลดลง รวมทั้งปริมาณเชื้ออสุจิลดลงได้ แต่ผลข้างเคียงนี้ไม่เกิดกับทุกคน หากมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น สามารถหยุดยาอาการดังกล่าวก็จะหายไปได้ครับ หากต้องการมีบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานยานี้ครับ

ไมนอกซิดิล Minoxidil

เป็นยาในกลุ่มยาลดความดันโลหิต ที่มีฤทธิ์ให้หลอดเลือดขยายตัว มีผลทำให้ความดันเลือดลดลงได้ ซึ่งการที่ยาทำให้หลอดเลือดขยายตัวนี้ เลยส่งผลถึงเส้นเลือดบริเวณรากผมเช่นกันทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น เส้นผมก็จะแข็งแรงขึ้นเส้นใหญ่ขึ้น มีทั้งแบบกิน และแบบทา แต่สมัยนี้แพทย์ไม่แนะนำให้ใช้แบบกิน เนื่องจากมีผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรง จึงแนะนำให้ใช้แบบทามากกว่า โดยใช้ทาเฉพาะบริเวณที่ต้องการให้เส้นผมขึ้นโดยตัวยาจะซึมเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณที่ทาทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นขยายตัว เลือดจึงไปหล่อเลี้ยงได้ดีขึ้น

นอกจากใช้ปลูกผมตัวนี้สามารถเอาไปทาบริเวณอื่น ๆ ที่ต้องการให้ขนขึ้นก็ได้ เช่น คิ้ว หรือ หนวด เป็นต้น ผมเห็นมีคนใช้กันเยอะครับ

Minoxidil ยี่ห้อไหนดี?

จริง ๆ ก็ยี่ห้อไหนก็ได้ครับ ขอให้เป็น Minoxidile ความเข้มเข้น 5% ผมแนะนำสองตัวนี้ครับเพราะเคยใช้แค่สองตัว แล้วรู้สึกว่าได้ผลไม่ต่างกันเลยครับ

  • Reten 5 Minoxidil  5% เป็นยี่ห้อของไทยครับ ตัวนี้เป็นขวด ขนาด 30 ml ราคาขวดละประมาณ 100 กว่าบาท จนถึง 300 บาทแล้วแต่แหล่งที่ซื้อ ใช้วันละสองครั้ง ครั้งละ  1 ml   ก็จะใช้ได้ประมาณครึ่งเดือนตัวนี้เป็นตัวแรกที่ผมใช้ แล้วก็รู้สึกว่าเห็นผลชัดเจนครับ
  • Kirland Minoxidil 5%  เป็นยี่ห้ออเมริกา เป็นขวด ขนาด 60 ml  ตัวนี้หาซื้อยากหน่อย ถ้าซื้อที่ไทยก็ ก็ตกประมาณขวด ละ 500 บาท แต่ผมซื้อผ่านทาง Ebay  ซึ่งยกกล่อง 1 กล่องมี 6 ขวด ตกขวดละประมาณ 200 กว่าบาท 1 ขวดใช้ได้ประมาณ 1 เดือนครับ ตัวนี้มีข้อดีคือ ราคาถูกว่าถ้าซื้อยกกล่องผ่านทาง Ebay และยังแถมหลอดดูดยาอย่างดีที่มีขีดบอกปริมาณยาชัดเจน มาให้ 1 อันต่อกล่อง  ส่วนประสิทธิภาพเรื่องผม ไม่ต่างกับ Reten 5 เลยครับ
Krikland Minoxidil 5%
Kirkland Minoxidil 5%

 

Reten 5 รีเทนไฟว์ Minoxidil 5%
Reten 5 รีเทนไฟว์ Minoxidil 5%

 

ควรจะใช้ยาอย่างต่อเนื่อง วันละสองครั้ง เช้า-เย็น ครั้งละ 1 ml ทาเฉพาะบริเวณที่ต้องการให้ผมขึ้น ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก ช่วงแรก ๆ อาจมีอาการผมร่วงเยอะขึ้นกว่าปกติ ไม่ต้องกังวล ผมจะกลับมาขึ้นเพิ่มขึ้นและเห็นผลชัดเจนในเดือนที่ 4 เป็นต้นไป

แชมพูไนโซรัล คีโทโคนาโซล 2% Nizoral Shampoo Ketoconazole 2%

ตัวนี้เป็นแชมพูที่มีส่วนผสมของ คีโทโคนาโซล เป็นยาต้านเชื้อราที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อราได้หลายชนิด วัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้เป็นยาป้องกันและรักษาการติดเชื้อราที่ผิวหนัง และยังสามารถลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันได้ ทำให้เกิดสิวหรือต่อมไขมันอุดตันบริเวณรากผม ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วงได้

แชมพูไนโซรัล คีโทโคนาโซล 2%
แชมพูไนโซรัล คีโทโคนาโซล 2%

 

ตัวนี้หาซื้อได้ง่ายมากครับ ร้านขายยาทั่วไปมีแทบทุกร้าน ขวดขนาด 200 ml ราคาประมาณ 300 – 400 กว่า บาท แล้วแต่แหล่งที่ซื้อ

ข้อควระวัง คือ ควรใช้อาทิตย์และ 1 – 2 ครั้ง เท่านั้น ไม่ควรมากกว่านี้  เนื่องจากการใช้ยาฆ่าเชื้อราบ่อย ๆ  เกินไปจะทำให้เชื้อราดื้อยาแล้วจะมีปัญหาตามมาได้ครับ

 

แชมพูเบอกามอทสูตรอ่อนโยนพิเศษสำหรับหนังศีรษะมัน Bergamot Extra Delicate Shampoo

แชมพูเบอกามอทตัวนี้ทุกๆ คนน่าจะรู้จักกันดีเพราะมีชื่อเสียงมานาน แต่ที่ผมจะแนะนำ ต้องเป็นสูตร อ่อนโยนพิเศษสำหรับคนหนังศีรษะมันเท่านั้น ตามรูปเลยครับ

แชมพูเบอกามอทสูตรอ่อนโยนพิเศษสำหรับหนังศีรษะมัน
แชมพูเบอกามอทสูตรอ่อนโยนพิเศษสำหรับหนังศีรษะมัน

 

ตัวนี้สามารถใช้สระผมได้ทุกวัน สำหรับคนผมร่วงง่าย หนังศีรษะมัน ให้ใช้ตัวนี้แทนแชมพูทั่วไปได้เลยครับ ส่วนตัวใช้สระผมทุกครั้งตอนอาบน้ำ รู้สึกได้เลยว่าความมันบนหนังศีรษะลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับก่อนใช้ที่ หนังศีรษะจะมันมาก ๆ จนผมลีบภายใน 1 วัน

ไบโอติน Biotin

ไบโอตินคือวิตามินชนิดหนึ่งที่ละลายน้ำได้ รู้จักกันในชื่ออื่น ๆ คือวิตามินเอช (Vitamin H) หรือวิตามินบี 7 (Vitamin B7)

เส้นผม ผิวหนัง และเล็บของคนเรานั้นประกอบขึ้นจากโปรตีนเคราตินเป็นหลัก ไบโอตินมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างโครงสร้างของเคราตินให้แข็งแรง การขาดไบโอตินอาจส่งผลกระทบต่อเคราตินจนทำให้สุขภาพเส้นผม ผิวหนัง และเล็บอ่อนแอลงได้ จริง ตามปกติ เราจะได้รับ ไบโอตินจากอาหารที่ทานเข้าไปอยู่แล้ว

อาหารที่มีปริมาณไบโอตินสูง ได้แก่

  • ไข่แดง
  • เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ไต
  • ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ ถั่วลิสง หรือวอลนัท
  • ถั่วเหลือง หรือพืชตระกูลถั่วชนิดอื่น ๆ
  • ธัญพืช
  • กล้วย
  • ผักชนิดต่าง ๆ เช่น กะหล่ำดอก เห็ด เป็นต้น

ทั้งนี้ ไบโอตินเป็นสารอาหารที่อาจเสื่อมคุณค่าลงหากได้รับความร้อน หากต้องการได้รับไบโอตินในปริมาณมากควรเลือกรับประทานอาหารที่มีไบโอตินที่ผ่านความร้อนน้อยที่สุด หรือเลือกทานไบโอตินในรูปแบบอาหารเสริมเป็นต้น

โดยตัวผมเลือกทาน ไบโอติน ยี่ห้อ Natrol Biotin ขนาด 10000 ไมโครกรัม  โดยทานพร้อมกับมื้ออาหาร วันละ 1 ครั้ง

ไบโอติน Natrol Biotin 10000 ไมโครกรัม
ไบโอติน Natrol Biotin 10000 ไมโครกรัม

 

ไบโอตินตัวนี้หาซื้อได้ที่ www.iherb.com ราคากระปุกละประมาณ 280 บาท กระปุกนึงมี 100 เม็ด กินวันละ 1 เม็ด ก็จะกินได้ประมาณ 3 เดือน

เพียงเท่านี้รับรองว่าผมจะกลับมาหนาขึ้นแน่ ๆ ครับ

หากเพื่อนๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ผมแนะนำตามนี้ อย่างต่อเนื่องรับรองได้ว่า ผมจะกลับมาดกดำกว่าเดิมอย่างแน่นอน หวังว่าเพื่อน ๆ คงได้ประโยชน์กันไม่มากก็น้อยนะครับ สวัสดีครับ 🙂

Posted on

วิตามินคืออะไรจำเป็นต่อร่างกายอย่างไร?

วิตามินคือสารประกอบประกอบอินทรีย์ที่ร่างกายต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ร่างกายของเราทำงานได้เป็นปกติ วิตามินโดยส่วนใหญ่จะต้องได้รับจากอาหารที่กินเข้าไป

เนื่องจากร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถสร้างวิตามินเองได้ หรือบางชนิดสร้างได้ในปริมาณที่ไม่มากพอที่ร่างกายต้องการ

สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีความต้องการวิตามินที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นมนุษย์จำเป็นต้องได้รับวิตามินซี (Ascorbic Acid) จากอาหารที่รับประทานเข้าไปเพราะร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ แต่สำหรับสุนัขแล้วไม่จำเป็นเพราะสุนัขสามารถสังเคราห์วิตามินซีได้เองเพียงพอต่อความต้องการของมันแล้ว

มนุษย์จำเป็นต้องได้รับวิตามินดีจากการได้รับแสงแดด เพราะว่าปริมาณวิตามินดีในอาหารปกติจะมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ อย่างไรก็ตามมนุษย์มีความสามารถในการสังเคราะห์วิตามินดีได้เองจากการได้ออกไปรับแสงแดดตามธรรมชาติ ปัญหาการขาดวิตามินดีจึงพบได้น้อยในบริเวณที่มีแสงแดดเพียงพอ

วิตามินแต่ละตัวมีบทบาทหน้าที่ต่อร่างกายแตกต่างกันไป และร่างกายก็ต้องการวิตามินแต่และชนิดในปริมาณที่แตกต่างกันไปด้วย

เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับวิตามิน

  • วิตามินที่รู้จักในปัจจุบันมีอยู่ 13 ชนิด
  • วิตามินสามารถแบ่งได้เป็นสองชนิดใหญ่ ๆ ตามคุณสมบัติการละลาย คือ วิตามินที่ละลายในน้ำ กับวิตามินที่ละลายในไขมัน
  • วิตามินที่ละลายในไขมัน ร่างกายสามารถกักเก็บไว้ได้ดีกว่าวิตามินที่ละลายในน้ำ
  • วิตามินที่ละลายในน้ำ ร่างกายจะไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ และจะถูกขับออกทางปัสสาวะในเวลาไม่นาน
  • วิตามินเป็นสารออร์แกนิกหรือสารอินทรีย์ (Organic) เพราะมีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ
  • อาหารเป็นแหล่งของวิตามินที่ดีที่สุด แต่สำหรับบางคนอาจมีความจำเป็นต้องได้รับวิตามินในรูปแบบอาหารเสริมตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชียวชาญ

Continue reading วิตามินคืออะไรจำเป็นต่อร่างกายอย่างไร?